45 วันหลังประกาศแคมเปญ “Every day Say No To Plastic Bags” ชาวลำพูน ปรับตัวพกถุงผ้าไปซื้อของมากขึ้น พร้อมใจบอกลาถุงก๊อบแก๊บ พบประมาณ 80% เลือกซื้อสินค้าแล้วนำไปใส่รถโดยไม่ใช้ถุงพลาสติก

ประชาชนทั้งชาวไทยและต่างชาติ ตอบรับแคมเปญ “Every day Say No To Plastic Bags” อย่างคึกคัก หลังจากเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2563 ห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อต่างๆ เริ่มงดให้ “ถุงพลาสติกหรือถุงก๊อบแก๊บ” แบบใช้ครั้งเดียวทิ้งที่ก่อผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น สังคมปลอดขยะ (zero Waste Society) ภายใต้โรดแมปการจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561-2573 สำหรับการรณรงค์งดใช้ถุงพลาสติก ตั้งเป้ายกเลิกการใช้พลาสติกประเภทครั้งเดียวทิ้ง 4 ชนิด ได้แก่ ถุงพลาสติกหูหิ้ว, หลอดพลาสติก, แก้วพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง และกล่องโฟมให้หมดไปจากประเทศไทยภายในปี 2564

ที่จังหวัดลำพูน โดยการนำของ นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ขานรับนโยบายและเดินหน้าขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง กำหนดเป้าหมายนำร่องหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ ร่วมลดการใช้แก้วพลาสติกและโฟมบรรจุอาหารให้ได้ 100% ในปี 2563 ลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วไม่น้อยกว่า 30% โดยกำหนดเป็นตัวชี้วัดให้ทุกหน่วยงานร่วมกันขับเคลื่อน ขณะเดียวกันภาคเอกชนอย่างห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ในพื้นที่ ก็เดินหน้าดันนโยบายงดใช้ถุงพลาสติก และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ผ่านมา 45 วัน (1 ม.ค. – 14 ก.พ. 63) หลังการประกาศนโยบายสามารถงดแจกถุงได้เกือบ 100% แล้ว

นายเอกภพ ชุมภูรัตน์ ผู้จัดการสาขา บิ๊กซีสาขาลำพูน เปิดเผยว่า จากการประมาณการกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ 2,500 คน/วัน พบ 80% เลือกซื้อสินค้าแล้วนำไปใส่รถโดยไม่ใช้ถุงพลาสติก 15% เตรียมถุงผ้ามาใส่สินค้า และ 5% ใช้บริการซื้อถุงผ้าที่ห้างใส่สินค้ากลับ ที่ผ่านมาหลังการประกาศนโยบาย ห้างไม่ให้บริการถุงพลาสติกเลย ช่วงแรกลูกค้ามีบ้างที่ยังไม่เข้าใจ แต่ขณะนี้มีความเข้าใจและเตรียมความพร้อมในการมาซื้อสินค้ามากขึ้น  

ขณะที่ นายแพทย์ณัฐพล วงศ์มณีรุ่ง  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท แจ่มฟ้าเซฟมาร์ท จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทางห้างงดให้บริการถุงใส่สินค้ากับลูกค้า แต่ได้นำกล่องบรรจุสินค้ามาดัดแปลงใช้สำหรับใส่ของบริการลูกค้าแทนถุงพลาสติก ภาพรวมลูกค้ามีความพึงพอใจ และจากการประมาณการลูกค้าที่ใช้บริการห้าง 13 สาขาในเขตลำพูน-เชียงใหม่ 10,000 บิล/วัน ลูกค้ากว่า 20% มีการเตรียมความพร้อมนำถุงผ้ามาใส่สินค้าด้วยตนเอง ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ทางห้างมีแผนที่จะให้ลูกค้าค่อยๆปรับตัวในการรับบริการ ภาพรวมถือว่าลูกค้ามีความพึงพอใจในการรับบริการ แต่ทั้งนี้ก็พบว่าปริมาณการเลือกซื้อสินค้าของลูกค้าลดลงเมื่อเทียบกับก่อนนี้ จากที่เคยซื้อสินค้าคราวละมากหันมาซื้อแค่พอใช้ในแต่ละครั้ง

นางสาวสุนทรี พรหมกาศ ประชาชนชาวจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า เห็นด้วยกับนโยบายงดแจกถุงพลาสติก ส่วนตัวมีลืมถุงผ้าบ้าง แต่ปรับตัวด้วยการเตรียมติดไว้ที่รถ ไม่คิดว่าเป็นการสร้างภาระเพิ่ม และไม่รู้สึกว่าจะเลิกซื้อสินค้าที่ห้างเพราะไม่แจกถุง เห็นว่าการไปซื้อของที่ห้างมีให้เลือกเยอะตามความต้องการ ราคาถูกกว่าร้านค้าปลีก  รู้สึกดีที่ได้ร่วมลดปริมาณขยะและยังคงจะให้ความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง ทั้งยังร่วมบอกต่อคนในบ้านและชุมชนให้ร่วมกันพกถุงผ้า ร่วมลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วอีกด้วย