ผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่ลำพูน ติดตามผลโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพฯ เยี่ยมนักเรียนที่มีงานทำ มุ่งสร้างโอกาส สร้างรายได้ สู่ความมั่นคงของเยาวชนไทย

           วันที่ 26 มีนาคม 2568 เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมอาคาร 7 สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานลำพูน นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยนายชวลิต ธูปตาก้อง ที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พันตำรวจโท กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นางสาวปิยพร กิตติเวช ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบหน้าที่ของรัฐ และคณะลงพื้นที่ประชุมติดตามและผลักดันโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับของจังหวัดลำพูน โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับเด็กนี้ที่หมดโอกาสเรียนต่อต้องดิ้นรนเข้าสู่ตลาดแรงงานทันทีเพื่อช่วยเหลือครอบครัว ได้รับโอกาสการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านอาชีพ จากแรงงานไร้ฝีมือกลายเป็นแรงงานมีฝีมือ พร้อมระดมทุกหน่วยแก้ปัญหาและอุปสรรคในการนำนักเรียนเข้าโครงการ รับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานมากยิ่งขึ้น โดยมีนายโยธิน ประสงค์ความดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน นายเจษฎา จันทร์อุไร ผู้ตรวจราชการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นายกษิดิจ ทับทิม ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานลำพูน หัวหน้าส่วนราชการ พร้อมด้วยคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ เข้าร่วมประชุม

             นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า โครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ เป็นโครงการที่ให้ความช่วยเหลือนักเรียนที่เรียนจบการศึกษาภาคบังคับแต่ขาดโอกาสในการศึกษาต่อ โดยมีความจำเป็นต้องเข้าสู่ตลาดแรงงานทันทีเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจของครอบครัว ต้องหารายได้ช่วยเหลือจุนเจือทางบ้าน ซึ่งเด็กเหล่านี้มีสภาพเป็นแรงงานไร้ฝีมือถูกกดขี่ค่าจ้างได้ในอัตราแรงงานขั้นต่ำ โครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพฯ นี้ เริ่มตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน กว่า 6 ปี แล้ว ที่ได้เข้ามาช่วยเด็ก ๆ ให้มีทักษะด้านอาชีพหลังจบการศึกษาภาคบังคับก่อนที่พวกเขาจะเข้าสู่ตลาดแรงงาน ให้เป็นแรงงานในฐานะ “แรงงานมีฝีมือ” กว่า 3,000 คน ซึ่งเป็นที่ยอมรับและเป็นความต้องการของผู้ประกอบการ โดยมีรายได้ที่สูงกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายวันที่กำหนดไว้ของแต่ละจังหวัด โดยสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานลำพูนได้เปิดให้นักเรียนที่สนใจเข้าฝึกอบรม เข้ามาศึกษาดูงานและรับสมัครเข้าอบรมที่สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานไปแล้วเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 โดยหลักสูตรที่เปิดอบรม เช่น ช่างเย็บจักรอุตสาหกรรม (ผ้า) หลักสูตรช่างซ่อมและบำรุงรักษารถจักรยานยนต์ ช่างเชื่อมอาร์คโลหะด้วยมือ ช่างเครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก ซึ่งมีหลักสูตรที่เด็กสนใจเข้าร่วมอบรมเป็นจำนวนมาก ได้แก่ หลักสูตร ช่างเย็บจักรอุตสาหกรรม (ผ้า) จำนวน 15 คน และหลักสูตรช่างซ่อมและบำรุงรักษารถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คน โดยจะมีการฝึกในสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานลำพูน ระหว่างวันที่ 21 เมษายน – 23 มิถุนายน 2568 และหลังจากนั้นจะมีการฝึกในสถานประกอบกิจการ ระหว่างวันที่ 24 มิถุนายน – 23 กรกฎาคม 2568 และหลังจากฝึกอบรมเสร็จแล้วสำนักงานจัดหางานจังหวัด มีการจัดเตรียมตำแหน่งงานรองรับเด็กเหล่านี้ทันที ซึ่งเด็กที่เข้าร่วมโครงการนี้ยังมีสิทธิประโยชน์อีกหลายอย่าง เช่น เรียนฟรี พักฟรี ได้รับการฝึกทักษะวิชาชีพที่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน การันตีมีงานทำหลังจบหลักสูตร ที่สำคัญมีเงินช่วยเหลือครอบครัวระหว่างเรียนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่ให้การสนับสนุน เช่น สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำพูน ให้การสนับสนุนเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและไร้ที่พึ่ง เงินสงเคราะห์กองทุนคุ้มครองเด็ก เงินทุนเพื่อการประกอบอาชีพ หรือเงินสงเคราะห์อื่น ๆ จำนวน 22 ทุน (ทุนละ 3,000 บาท) เป็นเงินทั้งสิ้น 108,000 บาท มูลนิธิยังมีเรามอบทุนการศึกษา ทุนละ 6,000 บาท จำนวน 10 ทุน มูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชนในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้ให้ทุนการศึกษาวิชาชีพระยะสั้นหลักสูตรไม่เกิน 1 ปี แก่เยาวชนในสังกัดสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานลำพูน ทุนละ 4,500 บาท จำนวน 19 คน ท้องถิ่นจังหวัดลำพูนอำนวยความสะดวกในการรับ-ส่ง ในส่วนของการเดินทางไป – กลับ ระหว่างสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานและบ้านที่อาศัย และยังมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไปให้การสนับสนุนสิ่งของ อาหาร และทุนการศึกษา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับผู้เข้ารับการฝึกอบรม

              ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มโอกาสในการทำงานให้กับเยาวชนแต่ยังเป็นแนวทางสำคัญในการแก้ปัญหาการหลุดออกจากระบบการศึกษาและการขาดแคลนแรงงานฝีมือในภาคอุตสาหกรรมและการบริการ ดังนั้น ในแนวทางการดำเนินโครงการฯ ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 นี้จึงมุ่งเน้นการทำอย่างไรให้เด็กสนใจเข้าร่วมโครงการฯ ให้มากขึ้น เช่นรับเด็กที่จบไปแล้ว 2 – 3 ปี รวมถึงเด็ก กศน. และเด็กที่จบม.6 แล้วไปต่อไม่ได้มาเข้าโครงการด้วย แต่ต้องมีอายุต้องไม่เกิน 25 ปี และขอให้ครูประจำชั้นและทุกหน่วยงาน เร่งสร้างความเข้าใจกับนักเรียนกลุ่มเป้าหมายและผู้ปกครอง สำนักงานจัดหางานต้องจัดหาตำแหน่งงานว่างให้เพียงพอกับจำนวนนักเรียนที่จบการฝึกอบรม ส่วนกรณีที่มีตำแหน่งงานว่างแต่นักเรียนไม่สนใจที่จะทำงาน ต้องเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับนักเรียนและผู้ปกครอง

              ในระหว่างการลงพื้นที่ได้พบปะพูดคุยกับครูผู้สอน ตัวแทนสถานประกอบการ รวมถึงนักเรียนที่เรียนจบโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพฯ ที่จบจากสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานลำพูนเมื่อปีที่แล้ว โดยได้งานทำที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ต้นกล้าผ้าฝ้าย ซึ่งเป็นโรงงานที่รับออกแบบ ตัด เย็บ เสื้อผ้ามัดย้อมสำเร็จรูป มีรายได้ค่าตอบแทนที่สูง มีสวัสดิการที่ดี มีโอกาสเติบโตในสายอาชีพอย่างรวดเร็วและมั่นคง.