ลำพูน ร่วมประชุมเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ปี 2569 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (VCS) รับข้อสั่งการบูรณาการหน่วยงานในพื้นที่เดินหน้าแก้ไขปัญหาเชิงรุก ลดผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรม

        วันนี้ (วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน 2568) เวลา 15.00 น. ณ ห้องประชุมปฏิบัติการ POC ชั้น 3 ศาลากลางลำพูน จังหวัดลำพูน นายโยธิน ประสงค์ความดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ปี 2569 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (VCS) มีนายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมฯ ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ในที่ประชุมมีการติดตามแนวโน้มสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และมาตรการการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเน้นการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ การลดมลพิษในเขตชุมชนเมือง การแจ้งเตือน การสร้างการรับรู้ และการดูแลสุขภาพประชาชน รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดในการรับมือและแก้ไขสถานการณ์ 

นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี ซึ่งรัฐบาล นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรม จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเตรียมพร้อมรับมือ ป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) โดยเน้นการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ การลดมลพิษในเขตชุมชนเมือง การแจ้งเตือน การสร้างการรับรู้ และการดูแลสุขภาพประชาชน รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ การจะแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ให้มีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จึงขอให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดผลกระทบที่มีต่อสุขภาพของประชาชน

         โดยกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้สั่งการหน่วยงานบูรณาการทุกภาคส่วนเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ดังนี้

       1. การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ ในส่วนของพื้นที่ป่า มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ เฝ้าระวังและควบคุมการเผาในพื้นที่ป่าอย่างเข้มงวด รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่ฝ่าฝืนโดยเคร่งครัด และจัดกำลังเฝ้าระวังลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง และพื้นที่เกษตรกรรม มอบหมายหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในพื้นที่ กำกับและควบคุมให้เป็นไปตามแนวทางการบริหารการเผาในพื้นที่เกษตร โดยให้ตัดสิทธิ์การเข้าร่วมโครงการของรัฐ หากพบการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมที่ขัดต่อแนวทางการบริหารการเผาในพื้นที่เกษตรที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ให้มีการส่งเสริมการนำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรไปแปรรูปหรือเพิ่มมูลค่าแทนการเผาอย่างจริงจัง ตลอดจนพื้นที่ชุมชน ให้นายอำเภอใช้กลไกฝ่ายปกครอง กำชับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ติดตามและเฝ้าระวังไม่ให้มีการเผาในพื้นที่ สร้างความเข้าใจให้ประชาชนรับทราบและลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนอย่างเคร่งครัด

       2. การป้องกันและลดการเกิดฝุ่นละอองจากแหล่งกำเนิดต่างๆ โดยเฉพาะจากการคมนาคมขนส่ง การก่อสร้าง การเผาในพื้นที่ริมทาง โรงงานอุตสาหกรรม โดยมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมและกระทรวงอุตสาหกรรมในพื้นที่ บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการตรวจสอบ/ตรวจจับ ยานพาหนะควันดำ การตรวจวัดมลพิษทางอากาศจากโรงงานอุตสาหกรรม การควบคุมฝุ่นละอองในพื้นที่ก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ เป็นต้น

       3. การดูแลสุขภาพประชาชน มอบหมายหน่วยงานด้านสาธารณสุข จัดหน่วยบริการลงพื้นที่ให้คำแนะนำประชาชนเกี่ยวกับการปฎิบัติตน ในการดูแลสุขภาพในช่วงสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กมีค่าสูง การจัดเตรียมห้องปลอดฝุ่น จัดพื้นที่ปลอดภัย คือรองรับประชาชนกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบางได้อย่างเหมาะสม

       4. การประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ ให้ประชาชน มอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ สื่อสารสร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้รับรับทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ มาตรการข้อกฎหมาย และบทลงโทษกรณีการฝ่าฝืน และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐในทุกมิติ เพื่อให้ประชาชนร่วมมือในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่

       5. กรณีกรณีที่สถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน หรือระดับปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นหรือเกินค่ามาตรฐาน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการจังหวัด ใช้ระบบศูนย์สั่งการแบบเบ็ดเสร็จ (Single Command) ภายใต้พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 เข้าควบคุมสถานการณ์ อำนวยการ สั่งการ และประสานการปฎิบัติระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ

      6. ให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดรายงานสถานการณ์และการดำเนินการป้องกันและแก้ไขแก้ไขปัญหาให้กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติทราบอย่างต่อเนื่อง

       ทั้งนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนได้กล่าวเน้นย้ำให้เตรียมความพร้อมทุกภาพส่วนไว้ล่วงหน้าเพื่อเตรียมรับสถานการณ์หมอกควันไฟป่าที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดลำพูนในปีนี้