วันที่ 24 มกราคม 2568 เวลา 13.30 น. ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอบ้านโฮ่ง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน นายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ลงพื้นที่เพื่อประชาสัมพันธ์ ชี้แจง และทำความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายการปฏิบัติงาน การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายควบคุมการเผาในที่โล่ง และการลักลอบเผาในพื้นที่ป่า โดยมีนายโยธิน ประสงค์ความดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน นายปรีชา สมชัย ปลัดจังหวัดลำพูน หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำพูน นายอำเภอบ้านโฮ่ง หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายจรัล มณีจันสุข นายอำเภอบ้านโฮ่ง กล่าวว่า อำเภอบ้านโฮ่ง เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดลำพูนตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ ห่างจากตัวเมืองจังหวัดลำพูน ประมาณ 40 กิโลเมตร ตามถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 106 สายลำพูน - ลี้ พื้นที่อำเภอบ้านโฮ่ง มีพื้นที่ทั้งหมด 597 ตารางกิโลเมตร หรือ 373,125 ไร่ ลักษณะภูมิประเทศ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ภูเขาและป่าไม้ ประมาณ 245,516 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 65.8 แยกเป็นพื้นที่ป่าสงวน 202,818 ไร่ ป้าอนุรักษ์ 42,704 ไร่ เป็นพื้นที่ราบประมาณ 127,609 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 34.2 แยกเป็นพื้นที่ชุมชน 82,284 ไร่ เป็นพื้นที่ทำการเกษตร 45,325 ไร่ มีประชากรทั้งสิ้น 38,851 คน จำนวนครัวเรือน 16,691 ครัวเรือน แบ่งเขตการปกครองออกเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาลตำบล จำนวน 2 แห่ง ประกอบด้วย เทศบาลตำบลบ้านโฮ่ง เทศบาลตำบลศรีเตี้ย องค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 4 แห่ง ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนตำบลเวียงกานต์ องค์การบริหารส่วนตำบลป่าพลู องค์การบริหารส่วนตำบลเหล่ายาว องค์การบริหารส่วนตำบลหนองปลาสะวาย

สำหรับ สถานการณ์หมอกควันไฟป่าอำเภอบ้านโฮ่ง ตั้งแต่ 1 มกราคม - ปัจจุบัน อำเภอบ้านโฮ่งพบจุดความร้อนจำนวน 2 จุด ประกอบด้วย บริเวณพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างป่าสงวนกับป่าชุมชน บ้านปาาป๋วย หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านโฮ่ง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน บริเวณพื้นพื้นที่ป่าสงวนบ้านแม่หาด หมู่ที่ 8 ตำบลป่าพลู อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน ทั้งนี้ได้บังคับใช้กฎหมายตรวจยึดพื้นที่แผ้วถางป่าเพื่อเผาถ่านและอุปกรณ์เลื่อนโซ่ยนต์ ณ ป่าภายในหมู่บ้านห้วยปางค่า หมู่ที่ 16 ตำบลบ้านโฮ่ง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ได้ดำเนินการออกหนังสือแจ้งเตือน ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 จำนวน 4 ราย

ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวถึงสถานการณ์ปัญหาไฟป่าและหมอกควันฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่จังหวัดลำพูนว่าการเผาในที่โล่ง เช่น การเผา วัสดุการเกษตร วัชพืช หรือการเผาอื่นๆ ทำให้เกิดควันปกคลุมเป็นบริเวณกว้างเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดฝุ่นละออง ขนาดเล็ก PM 2.5 ในอากาศมีค่าเกินมาตรฐาน (เกินกว่า 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ของประชาชน และยังเสี่ยงที่ไฟจะลามจนเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลอื่น

ดังนั้น เพื่อเป็นการควบคุม ไม่ให้เกิดผลกระทบดังกล่าว จังหวัดจึงเร่งลงพื้นที่อำเภอต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับนายอำเภอ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้นำชุมชน ถึงปัญหาไฟป่าหมอกควันฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ และจำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายบังคับใช้ เพื่อห้ามเผาตลอด 365 วันตาม พ.ร.บ.สาธารณสุขโดยจะมีการตักเตือนทำบันทึกก่อนในครั้งแรก จากนั้น หากพบการเผาอีกในบุคคลเดิมต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ในส่วนของภาคการเกษตร ภาคครัวเรือนต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้เกิดการเผาขึ้น โดยเฉพาะในที่ดินของ ส.ป.ก. อาจถูกเพิกถอนที่ดินทำกิน ส่วนพื้นที่เกษตรอื่นหากเกิดการเผาจะไม่มีโอกาสได้รับเงินช่วยเหลือต่างๆ จากรัฐบาลอีก ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลเรื่อง การป้องกันการเผาในพื้นที่ต่างๆ เป็นนโยบายในภาพรวม ซึ่งมีผลบังคับใช้ทันที อย่างไรก็ตามจังหวัดลำพูนได้มีการหาแนวทางเพื่อให้เกษตรกรและประชาชนสามารถกำจัดวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรได้โดยใช้น้ำซุปเปอร์ พ.ด. 1 ของสำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัดลำพูน ช่วยย่อยสลายอีกทางหนึ่ง โดยมีพื้นที่นำร่องภายในศูนย์ราชการจังหวัดลำพูน ตำบลศรีบัวบาน อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน

ในส่วนของท้องถิ่นจังหวัดลำพูน กล่าวในที่ประชุมในเรื่องของพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 4(2) กำหนดให้เจ้าของที่ดินต้องดูแลต้นไม้ที่ปลูกไว้หรือขึ้นเองในที่ดินของตน มิให้มีสภาพรกรุงรัง หากปล่อยปละละเลยถือว่ามีความผิดตามมาตรา 54 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และตามมาตรา 46 กำหนดให้องค์การบริหารส่วนตำบล หรือเทศบาล สามารถแจ้งให้เจ้าของที่ดินดำเนินการเก็บกวาดตกแต่งต้นไม้หรือ วัชพืชในที่ดินของตน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุเพลิงไหม้ โดยหากแจ้งแล้วเจ้าของที่ดินไม่ดำเนินการ องค์การ บริหารส่วนตำบลหรือเทศบาลมีอำนาจที่จะเข้าไปจัดทำหรือมอบหมายให้ผู้อื่นจัดทำให้เกิดความสะอาดและความเป็น ระเบียบเรียบร้อย โดยเจ้าของที่ดินต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายในการจัดการต้นไม้หรือวัชพืชดังกล่าว.