อธิบดีกรมวิชาการเกษตร และอธิบดีส่งเสริมการเกษตร  พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่จังหวัดลำพูน  ร่วมประชุมตรียมความพร้อมรับมือฤดูกาลผลิตลำไยภาคเหนือ  เพื่อเป็นการรับฟังความคิดเห็นร่วมกับเกษตรกรผู้ปลูกลำไยในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ที่มั่นคงอย่างยังยืน

             วันที่ 15 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.30 น. ที่บริษัททวีศักดิ์ ไชยเสน จำกัด (สาขา2) อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน นายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน  มอบหมายให้นายชาตรี ธินนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน  กล่าวให้การต้อนรับ นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร และนายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีส่งเสริมการเกษตร  พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ภายในงานการเตรียมความพร้อมรับมือฤดูกาลผลิตลำไยภาคเหนือ  โดยมีหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอำเภอเวียงหนองล่อง ผู้ประกอบการ เกษตรกรผู้ปลูกลำไย เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
             รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เผยว่า จังหวัดลำพูนมีพืชลำไยเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของจังหวัด โดยมีพื้นที่ปลูกอยู่ทุกอำเภอของจังหวัดลำพูน ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ปี 2567 จังหวัดลำพูนมีพื้นที่ปลูกลำไยเป็นอันดับสองของประเทศไทย โดยมีพื้นที่ยืนต้นถึง 362,302 ไร่  ทั้งนี้ ยังเป็นแหล่งผลิตและแหล่งจำหน่ายลำไยที่สำคัญของประเทศไทย โดยรูปแบบการจำหน่ายมีทั้งภายในประเทศ และส่งออกไปยังต่างประเทศ  โดยมีการส่งออกไปยังประเทศจีนเป็นส่วนใหญ่ และประเทศอื่นๆ ตามลำดับ เช่น อินอินโดนีเซีย มาเลเซีย เป็นต้น  ซึ่งที่ผ่านมาเกษตรกรและผู้ประกอบการในพื้นที่ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนความรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยีการผลิตเป็นอย่างดีจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และภาคีเครือข่ายที่เกียวข้อง 
             อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  กล่าวว่า  สำหรับการขับเคลื่อนนโยบายด้านการเกษตร นายอรรถร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สานต่อนโยบายเดิม ได้แก่  1. เน้นการสร้างวิธีการทำงานสู่การปฏิบัติเพิ่มประสิทธิภาพศูนย์บริการเกษตรพิรุณราช บูรณาการงานอย่างเข้มแข็ง สานต่อภารกิจการกำกับสินค้าเกษตรด้านพืช   2. ยกระดับสินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูง  เน้นการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ตรงกับความต้องการของตลาด และ 3. อำนวยความสะดวกด้านการเกษตร ผลักดันนโยบายตลาดนำนวัตกรรมเสริมเพิ่มรายได้ การเพิ่มเติมมาตรการขับเคลื่อน การลดต้นทุน เพิ่มรายได้ โดยการจัดหาพืชพันธุ์ดี ส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตร บริหารจัดการด้านการตลาดสินค้าเกษตร
            สำหรับกรมวิชาการเกษตร ได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมรับมือผลผลิตลำไยในฤดูปี 2568 ที่จะเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึงเดือนกันยายน โดยดำเนินการตรวจรับรอง GAP ลำไยในทุกพื้นที่การผลิต เพื่อให้สามารถใช้ใบรับรอง GAP ประกอบการจำหน่ายผลผลิตลำไยได้ รวบรวมรายชื่อสวนและโรงคัดบรรจุเพื่อแลกเปลี่ยนนเว็บไซต์สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน  ดำเนินการมอบหมายหน่วยงานในพื้นที่ให้มีการจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการตรวจติดตามโรงงานผลิตสินค้าพืชและโรงรมซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เพื่อเพิ่มศักยภาพแก่บุคลากรตามมาตรฐานสินค้าเกษตร การจัดประชุมและจัดฝึกอบรมให้แก่ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุและโรงรมซัลเฟอร์ไดออกไซด์
          ทั้งนี้ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 1 กรมวิชาการเกษตร ให้การรับรองมาตรฐาน GAP ลำไยครอบคลุมพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน รวม 46,957 แปลง 34,562 ราย พื้นที่รับรอง 247,350 ไร่ โดยให้การรับรองมากที่สุดในจังหวัดลำพูน จำนวน 22,158 แปลง 15,459 ราย  114,470 ไร่ มีเป้าหมายดำเนินการตรวจติดตามโรงคัดบรรจุจำนวน 20 โรง และโรงรมซัลเฟอร์ไดออกไซด์ จำนวน 40 โรง พร้อมเฝ้าระวังสุ่มเก็บตัวอย่างลำไย เพื่อวิเคราะห์สารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ร่วมกับหน่วยรับรอง จำนวน 70 ตัวอย่าง ดำเนินการตามมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยด้านศัตรูพืช และสารพิษตกค้าง ผ่านหน่วยงานด่านตรวจพืชดำเนินการออกใบรับรองสุขอนามัย และใบรับรองสุขอนามัยพืช ประกอบการส่งออกให้เป็นไปตามมาตรการของประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีน การส่งออกลำไยไปจีนต้องเป็นไปตามพิธีสาร-ไทยจีน และมาตรฐานสินค้า มกษ. 1004-2557 "หลักปฏิบัติสำหรับกระบวนการรมผลไม้สดด้วยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์
           อย่างไรก็ตาม กรมวิชาการเกษตรได้ให้ความสำคัญถึงสถานการณ์การผลิตลำใยในในฤดูกาลผลิตนี้ รวมไปถึง ราคา คุณภาพ ความปลอดภัยของสินค้า และการอำนวยความสะดวกและเข้าถึงเกษตรกร การส่งออกสินค้าของผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุ และหน่วยงานภาครัฐ จึงได้มีการจัดประชุม "การเตรียมความพร้อมรับมือฤดูกาลผลิตลำไยภาคเหนือ" เพื่อหารือ แลกเปลี่ยน ระดมความคิดเห็น และนำไปบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ในการกำกับ ดูแลมาตรฐานสินค้าเกษตร เน้นย้ำผัก ผลไม่ ต้องปลอดภัยและมีคุมภาพ สำหรับการบริโภคในประเทศ และส่งออก ตามนโยบาย ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
           ภายในงานมีการเสวนาแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ประเด็นปัญหา  ในการนำความรู้การเตรียมความพร้อมการส่งออกลำไยมาถ่ายทอดให้แก่ผู้ประกอบการและนำเทคโนโลยีต่างๆ ทางการเกษตรมาเผยแพร่และให้ความรู้แก่เกษตรกรผู้ปลูกลำไย  รวมถึงการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ด้านการขอรับรองมาตรฐาน GAP การสำรวจศัตรูพืช  การเลือกใช้สารเคมีเพื่อป้องกันกำจัดอย่างถูกวิธีและปลอดภัย  เพื่อนำไปปรับใช้ในแปลงของตนเองได้  ทำให้ได้ผลผลิตที่มีความปลอดภัยและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคและประเทศคู่ค้า  ทำให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรชาวจังหวัดลำพูน และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อให้สามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ที่มั่นคงอย่างยังยืนต่อไป.