คณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน กลุ่มภาคเหนือ (ตอนบน) ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ ต.ก้อ อ.ลี้ จังหวัดลำพูน
วันที่ 14 มีนาคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลก้อ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน คณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน กลุ่มภาคเหนือ (ตอนบน) นำโดยนายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานกรรมการ และคณะฯ ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาความเดือนร้อนของประชาชนชาวตำบลก้อ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน โดยนายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน มอบหมายให้นายโยธิน ประสงค์ความดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมด้วย นายอำเภอลี้ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และพี่น้องประชาชนชาว ตำบลก้อ อำเภอลี้ เข้าร่วมรับฟัง
โดยประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน กลุ่มภาคเหนือ (ตอนบน) ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์การลงพื้นที่ และบทบาทหน้าที่และอำนาจของวุฒิสภา พร้อมรับฟังปัญหาความเดือนร้อนของประชาชนในพื้นที่ใน 4 ประเด็น ประกอบด้วย
ประเด็นที่ 1 ปัญหาพืชผลการเกษตรที่สำคัญของจังหวัดลำพูน โดยจังหวัดลำพูนมีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดลำพูน (GPP) ปี 2565 มีมูลค่า 90,388 ล้านบาทโดยภาคการเกษตรมีมูลค่า 12,566 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13.90 ของ GPP จังหวัดลำพูน และมีรายได้ภาคการเกษตร 156,050.21 บาท/คน/ปี โดยพืชเศรษฐกิจหลักของจังหวัดลำพูน (เช่น ลำไย) มักประสบปัญหาไม่สามารถคาดการณ์ราคาล่วงหน้าได้เนื่องจากโครงสร้างทางการผลิตเน้นการส่งออก ซึ่งราคาถูกกำหนดจากกลไกตลาดและประเทศปลายทาง ราคาปัจจัยทางการผลิตอยู่ในระดับที่สูง เกษตรกรบางส่วนใช้รูปแบบการผลิตดั้งเดิม เกษตรกรและผู้ประกอบการมีการใช้สารเคมีมากเกินคำแนะนำ ส่งผลให้มีสารเคมีตกค้างในผลผลิต ทั้งนี้จังหวัดลำพูนมุ่งส่งเสริมให้เกษตรกรทำการเกษตรปลอดภัย เกษตรอินทรีย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับมูลค่าสินค้าเกษตรและผ่านมาตรฐานสินค้าเกษตรระหว่างประเทศ
ประเด็นที่ 2 การบริหารจัดการน้ำ และแก้ไขปัญหาอุทกภัยในจังหวัดภาคเหนือ จังหวัดลำพูนมีพื้นที่ จำนวน 2,798,892 ไร่ โดยมีพื้นที่ทางการเกษตร จำนวน 852,318 ไร่ มีพื้นที่ชลประทานครอบคลุม จำนวน 380,880 ไร่ หรือร้อยละ 44.68 ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวประกอบด้วย 1) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 1 แห่ง อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 4 แห่ง และอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก 48 แห่ง 2) ฝายขนาดกลาง 6 แห่ง และฝายขนาดเล็ก 116 แห่ง 3) สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า 37 แห่ง ในส่วนของสถานการณ์อุทกภัยของจังหวัดลำพูน ระหว่างวันที่ 22 สิงหาคม - 5 ตุลาคม 2567 เกิดสถานการณ์ รวมทั้งสิ้น 8 อำเภอ 48 ตำบล 461 หมู่บ้าน 13 ชุมชนราษฎรได้รับผลกระทบเบื้องต้น 16,172 ครัวเรือน เสียชีวิต 1 ราย ความเสียหาย นาข้าว 896 ไร่ พืชสวน 3,123 ไร่ พืชไร่ 136 ไร่ บ่อปลา 29 บ่อ ฝาย 75 แห่ง ถนน 163 สาย สะพาน 3 แห่ง คอสะพาน 9 แห่ง และตลิ่ง 92 แห่งความเสียหายในเขตพื้นที่อำเภอลี้ ได้รับผลกระทบจำนวน 8 ตำบล 97 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับผลกระทบ 496 ครัวเรือน การดำเนินการของจังหวัดลำพูนตั้งแต่ก่อนเกิดภัย ได้มีการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ ตั้งแต่ก่อนเกิดภัย ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ โดยแต่งตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แจ้งทุกอำเภอ อปท. เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ติดตามการพยากรณ์อากาศ วิเคราะห์สถานการณ์ แจ้งเตือนภัยประชาชน เตรียมการรับสถานการณ์ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การพร่องน้ำ เปิดประตูระบายน้ำ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เตรียมพร้อมเครื่องสูบน้ำ และเครื่องผลักดันน้ำ ในระหว่างเกิดภัยได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือ แจกจ่ายอาหารน้ำดื่ม เครื่องอุปโภคบริโภค โดยทางราชการ อปท. ภาคเอกชน วัดมหาวัน สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดลำพูนได้ร่วมกันจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน ในส่วนของการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดลำพูน ที่ได้รับมวลน้ำจากอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ที่ไหลบ่าเป็นแนวระนาบจากถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ หมายเลข 11 ขนานกับลำน้ำปิง เข้าสู่พื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน โดยจังหวัดลำพูนได้แบ่งมวลน้ำ (ประมาณ 35 ล้าน ลบ.ม.) ออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้ส่วนที่ 1 ไหลลงสู่แม่น้ำปิงผ่านระบบคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝายชลขันธ์พินิต ซึ่งได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำจำนวน 2 เครื่อง ที่บริเวณ ประตูระบายน้ำปลายคลอง เพื่อช่วยเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำปิง ส่วนที่ 2 ไหลลงสู่แม่น้ำกวงผ่านเหมืองร่องขุ่นไหลลงสู่เหมืองร่องเชี่ยว และลงสู่แม่น้ำกวง เพื่อระบายลงสู่แม่น้ำปิงตามลำดับส่วนที่ 3 แบ่งเป็น 2 ส่วนได้แก่ 1) ไหลลงสู่ลำเหมืองกลางระบายลงเหมืองหลิ่งห้าลงสู่เหมืองปิงห่างและลงสู่แม่น้ำกวงตามลำดับ 2) ไหลลงสู่ลำเหมืองไม้แดงระบายลงสู่ลำเหมืองกลาง ซึ่งไหลผ่านตำบลเหมืองง่าและตำบลต้นธง ส่งผลให้สามารถป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจไว้ได้ นอกจากนี้ จังหวัดลำพูนได้จัดเตรียมพื้นที่ปลอดภัย พื้นที่เตรียมจัดตั้งศูนย์พักพิงเพื่อรองรับการอพยพจังหวัดลำพูน ในพื้นที่ 8 อำเภอ จำนวน 320 แห่ง รองรับประชาชน จำนวน 171,346 คน และได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567 ตามยอดผู้ลงทะเบียน จำนวน 10,489 ราย ทั้งนี้จังหวัดลำพูนได้โอนเงินเข้าบัญชีผู้ประสบภัยแล้ว จำนวน 9,980 ราย (ไม่เข้าหลักเกณฑ์ 515 ราย) จำนวนเงิน89,829,000 บาท โดยในส่วนของอำเภอลี้ ยอดผู้ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือทั้งหมด จำนวน 1,364 ราย โอนเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยสำเร็จ จำนวน 1,333 ราย (ไม่เข้าหลักเกณฑ์ 31 ราย) เป็นเงินจำนวน 11,997,000 บาท
ประเด็นที่ 3 ปัญหาที่ดินข้อพิพาท 5,000 ไร่ – กรณีบุคคลเข้ามาปักแนวเขตปักป้ายห้ามบุกรุกและไถพื้นที่ของราษฎรในเขตพื้นที่ตำบลก้อ อำเภอลี้ได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้เจ้าพนักงานที่ดินแจ้งเจ้าของที่ดินที่อ้างตนเป็นเจ้าของ ให้นำเอกสารสิทธิ์หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องรวบรวมให้เทศบาลตำบลก้อ และให้เทศบาลตำบลก้อนำส่งให้สำนักงานที่ดินสาขาอำเภอลี้เพื่อพิจารณาจำหน่ายใบจองทำการรางวัดใหม่ ทั้งนี้กรณีเข้าไปแย่งการครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินระหว่างเอกชนกับเอกชน ทั้งสองฝ่ายต้องพิสูจน์สิทธิกันในชั้นศาลต่อไป
ประเด็นที่ 4 ผลการดำเนินโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริตำบลก้อ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน - สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ได้ขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยทรงรับ “โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง” (ระยะที่ 1) จำนวน 15 โครงการ ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยสำนักพระราชวังได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ทรงรับโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งทั้ง 15 โครงการไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยในส่วนของจังหวัดลำพูนดำเนินการในพื้นที่ตำบลก้อ อำเภอลี้ ปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนจำนวน 2,424 คน 954 ครัวเรือนพื้นที่การเกษตร 1,250 ไร่ และมีปริมาณน้ำ 306,600 ลบ./ปี
โดยในช่วงบ่าย นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานกรรมการ และคณะฯ จะได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมและให้ข้อเสนอแนะการดำเนินงานของวิสาหกิจกลุ่มปลาย่างรมควันก้อท่า , เยี่ยมชมโครงการพระราชดำริน้ำบาดาลขนาดใหญ่ , เยี่ยมชมและให้ข้อเสนอแนะการดำเนินงานของวิสาหกิจกลุ่มทอผ้าก้อทุ่ง รวมถึงลงพื้นที่เพื่อศึกษาเส้นทางคมนาคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ณ น้ำตกก้อหลวง ต.ก้อ อ.ลี้อีกด้วย.
วันที่ 14 มี.ค. 2568, 16:21
คณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชา...
วันที่ 13 มี.ค. 2568, 15:57
ชาวอำเภอลี้ ร่วมทำบุญสรงน้ำพระธาตุและอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชั...
วันที่ 13 มี.ค. 2568, 15:54
ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 15 พร้อมคณะ...