รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม kick off มอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการยุติความรุนแรงต่อสตรีในระดับพื้นที่ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

       วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.00 น.  นายปิยพงศ์ ชูวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน  มอบหมายให้ นายโยธิน ประสงค์ความดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมด้วยนายปรีชา สมชัย ปลัดจังหวัดลำพูน นางศุกลรัตน์ จันทร์มณี หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำพูน  นางลักษณา อิศรางกูร ณ อยุธยา พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำพูน นายรุ่งโรจน์ สุนทร ท้องถิ่นจังหวัดลำพูน เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม kick off มอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการยุติความรุนแรงต่อสตรีในระดับพื้นที่ ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน  มีนางสาวธนนนท์ นิรามิษ ประธานคณะกรรมการคู่สมรสคณะรัฐมนตรีและที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวศศิธร กิตติธรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย คณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ด้อยโอกาส และความหลากหลายทางสังคม ผู้บริหารสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร สมาคมแม่บ้านมหาดไทย รวมถึงภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ ผู้ว่าราชการจังหวัด ประธานชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด ปลัดจังหวัด พัฒนาการจังหวัด ท้องถิ่นจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด รวมถึงกลุ่มสตรีที่เป็นภาคีเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยในจังหวัด รวม 3,000 คน ร่วมรับฟัง และถ่ายทอดการประชุมผ่าน DOPA Channel และกระทรวงมหาดไทย PR ไปยังที่ว่าการอำเภอ 878 อำเภอ โดยมี นายอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  เข้าร่วมรวม 83,000 คน

       นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รับฟังการกล่าวรายงานจากปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมรับชมการแสดงชุด "สานพลังเพื่อสร้างสังคมที่ปราศจากความรุนแรงต่อสตรี" และรับชมวีดีทัศน์ สรุปผลการดำเนินงานด้านยุติความรุนแรงต่อสตรีระดับพื้นที่ของกระทรวงมหาดไทย จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงแตะหน้าจอปล่อยริบบิ้นขาวยุติความรุนแรงต่อสตรีคิกออฟไปยังทุกอำเภอทั่วประเทศ

       นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรามาประชุมวันนี้ด้วยภารกิจที่สำคัญยิ่งก็คือ "ภารกิจของการปกป้องประชากรเพศหญิง" ซึ่งมีจำนวนเกินครึ่งหนึ่งของประชากร คือ มากกว่าผู้ชายประมาณ 1,160,000 คน นั่นแปลว่า "ผู้หญิงเป็นพลังสำคัญยิ่งของประเทศ" ทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ มีบทบาทมากมายที่ทำเคียงคู่ไปกับผู้ชาย และในบทบาทเหล่านั้นบางทีผู้ชายก็ทำได้ไม่ดีเท่ากับผู้หญิง เราต้องดูแลและส่งเสริมให้พวกเขาได้ใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ ถ้าเราปล่อยให้ผู้หญิงอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัยหรือเผชิญความรุนแรงไม่ว่ารูปแบบใด เท่ากับว่าเรากำลังลดทอนศักยภาพของประเทศไทย

       "ในส่วนของนโยบายที่ผ่านมา เราคุยกันเรื่องการป้องกันและการเยียวยามามาก แต่ในปีนี้รัฐบาลต้องการให้เกิดผลอย่างจริงจังในพื้นที่ จึงได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยได้เป็นแกนกลางในการขับเคลื่อนงานยุติความรุนแรงต่อสตรี เพราะเราเป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด ตั้งแต่ระดับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอําเภอ องค์การบริหารส่วนตําบล เทศบาล ไปจนถึงกํานันผู้ใหญ่บ้าน และเครือข่ายในชุมชน  เราต้องการทํางานแบบป้องกันเชิงรุก สร้างความตระหนักรู้ในพื้นที่ สนับสนุนโรงเรียน ครอบครัว และผู้นําชุมชนให้รู้จักสัญญาณความเสี่ยงและช่วยยับยั้งเหตุรุนแรงก่อนจะเกิดเหตุขึ้นจริง เพื่อ "ทําให้ทุกชุมชนเป็นพื้นที่ที่ผู้หญิงและเด็กรู้สึกปลอดภัย"

        ขอเน้นย้ำถึง "การเชื่อมโยงข้อมูลในระดับจังหวัดและอำเภอ" โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศูนย์ดำรงธรรม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ใช้ข้อมูลร่วมกัน เพื่อให้การช่วยเหลือผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นการรักษา การแจ้งเหตุ การคุ้มครองให้ทำได้รวดเร็วต่อเนื่อง และมีหลายช่องทางที่ปลอดภัย ทั้งสายด่วน แอปพลิเคชัน หรือภาคประชาสังคม และข้อมูลที่เป็นหัวใจสำคัญของการช่วยเหลือ ก็ขอให้ทุกฝ่ายไม่นิ่งดูดายและประสานกันไร้รอยต่อ

        อย่างไรก็ตาม อยากขอบคุณเป็นพิเศษก็คือ "ภาคประชาสังคมทุกองค์กรที่ทำงานอยู่หน้างานมาตลอด" หลายครั้งองค์กรเหล่านี้เป็นส่วนแรกที่ผู้ประสบภัยเข้าไปหา พวกเขาคือกำลังสำคัญที่ช่วยเติมเต็มงานของรัฐ รัฐบาลมองเห็นคุณค่าของบทบาทนี้ และเราจะทำงานร่วมกันต่อไป โดยรัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงต่าง ๆ ท้องถิ่น เอกชน ภาคประชาสังคม รวมถึงองค์การระหว่างประเทศ เพื่อให้สตรีทุกคนมีความปลอดภัย และได้รับการคุ้มครองเยียวยาอย่างเหมาะสมที่สุด

ด้าน ปลัดกระทรวงมหาดไทย  กล่าวว่า วันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปีคือ "วันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล" ตามที่องค์การสหประชาชาติกำหนด และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2542 กำหนดให้เดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กสตรีและความรุนแรงในครอบครัว 

        "กระทรวงมหาดไทยเป็นหัวใจการป้องกันแก้ไขคุ้มครองบำบัดฟื้นฟูสตรีที่ได้รับการทำความรุนแรง ด้วย 1. การขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการยุติความรุนแรงต่อสตรีในระดับพื้นที่ โดยร่วมกับทุกหน่วยงานมุ่งเน้นการป้องกันเชิงรุก 2. การรับเรื่องร้องเรียน การป้องกันคุ้มครองและประสานความช่วยเหลือ ตลอดจนการส่งต่อให้กลไกเฉพาะด้านในการให้ความช่วยเหลือผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด อำเภอ 3. การสนับสนุนกระบวนการบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม 4. การสร้างเสริมศักยภาพและบทบาทสตรี"

        "กระทรวงมหาดไทยจึงถือโอกาสในวาระสําคัญนี้จัดงานขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อมอบนโยบายและทิศทางการดําเนินงานด้านการยุติความรุนแรงต่อสตรีให้แก่หน่วยงานทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านยุติความรุนแรงต่อสตรีในระดับพื้นที่ โดยกำหนดเป็นวาระเร่งด่วนของพื้นที่ที่ต้องเร่งขับเคลื่อนดำเนินงาน ทั้งสร้างความเข้าใจในบทบาท กลไก และกระบวนการทำงานร่วมกัน  สร้างเครือข่ายร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ  เอกชน ประชาชน ตลอดจนยกระดับมาตรฐานการทำงานด้านยุติความรุนแรงต่อสตรีให้มีประสิทธิภาพ ครอบคลุมและตอบสนองต่อปัญหาในพื้นที่อย่างแท้จริง".